เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565 อย. และสำนักการส่งออกและการต่างประเทศ กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วยผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย ร่วมหารือนโยบายทางการเกษตรและอาหารของญี่ปุ่น และรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎระเบียบเรื่องอาหารในไทยจาก อย.

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า นับเป็นโอกาสอันดีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักการส่งออกและการต่างประเทศ กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง ประเทศญี่ปุ่น (Export and International Affairs Bureau, Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries: MAFF) ได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างความร่วมมือและหารือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหาร ด้านการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหาร และการนำเข้า/ส่งออก

           Mr.YAMAGUCHI Yasushi, รองอธิบดีสนับสนุนการส่งออก สำนักการส่งออกและการต่างประเทศ กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงการตั้ง ‘Japan Food Export Platforms’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีการจัดตั้งในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา เพื่อช่วยสนับสนุนธุรกิจการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศญี่ปุ่น โดย อย. ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานเป็นอย่างดี และได้มีการถามตอบประเด็นความกังวลเรื่องกฎระเบียบเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารกับ อย.

           ทั้งนี้ อย. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความร่วมมือกับแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยกองอาหารจะเป็นหน่วยงานหลักในการติดต่อ ประสาน เพื่อหารือในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ อย. จะร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในการถ่ายทอดเทคโนโลยีเรื่องการนำเข้า/ส่งออก รวมถึงการให้บุคลากรของหน่วยงานได้มีโอกาสเรียนรู้การปฏิบัติงานในเรื่องการเฝ้าระวัง ณ หน้าด่าน

รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากกัญชาและกัญชง เช่น เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของ CBD ซึ่งมีศักยภาพในการส่งออก จึงมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ ซึ่งหากมีโอกาสอยากให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบ เพื่อนำมาพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถดำเนินการสอดคล้องตามกฎระเบียบของทางญี่ปุ่น ตลอดจนสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมหารือในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนนโยบายทางด้านผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ช่วยสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยและญี่ปุ่นมากขึ้น